วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

แบบทดสอบก่อนเรียน

 1.  ธาตุที่แผ่รังสีได้เองตามธรรมชาติ  เรียกว่า
              1.  ธาตุกัมมันตรังสี                                                      
2.  ธาตุยูเรนิก                        
3.  ธาตุประกอบยูเรเนียม                                           
4.  ธาตุสะเทิน
2.   รังสีใดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากนิวเคลียสของธาตุ
1.  รังสีเอกซ์                                                              
2.  รังสีแคโทด                        
3.  รังสีอัลตราไวโอเลต                                            
4.  รังสีแอลฟา
3.  จงเรียงอำนาจทะลุผ่านของรังสีแอลฟา ,บีตาและแกมมาจากมากไปน้อย
1แอลฟาบีตา , แกมมา                                             
2.  บีตา , แอลฟาแกมมา         
3.  แกมมา  แอลฟา  บีตา                                           
4.  แกมมาบีตาแอลฟา
4.  ถ้าให้รังสีบีตา  แกมมา  และแอลฟา  เคลื่อนที่อยู่ในน้ำ  และรังสีทั้งสามชนิด  มีพลังงานเท่ากันเราจะพบว่ารังสีบีตาเคลื่อนที่ได้ระยะทาง
              1.  สั้นที่สุด                                                                       
2.  ไกลที่สุด                           
              3.  ไกลกว่าแกมมาแต่ใกล้กว่าแอลฟา                      
4.  ไกลกว่าแอลฟาแต่ใกล้กว่าแกมมา
5. ธาตุต่อไปนี้มีจำนวนโปรตอนและนิวตรอนภายในอะตอมเป็นดังนี้
ธาตุ
จำนวนโปรตอน
จำนวนนิวตรอน
ฮีเลียม (He)
2
2
อะลูมิเนียม (Al)
13
14
ไอโอดีน (I)
53
78
ตะกั่ว (Pb)
82
124
ข้อต่อไปนี้ข้อใดถูกต้อง
1. ฮีเลียมมีเลขอะตอม 2 เลขมวล 2                                       
2.  ตะกั่วมีเลขอะตอม 124 เลขมวล 206
3. ไอโอดีนมีเลขอะตอม 53 เลขมวล 131                              
4. อะลูมิเนียมมีเลขอะตอม 13 เลขมวล 14
6. จำนวนนิวตรอนและเลขมวลในอะตอมของธาตุต่าง ๆ มีดังนี้
ธาตุ
จำนวนนิวตรอน
เลขมวล
A
8
15
B
7
13
C
7
14
D
9
15
ธาตุใดเป็นไอโซโทปกัน
1.  ธาตุ A กับ D                                                             
2.  ธาตุ B กับ C
3.  ธาตุ A กับ B และ C กับ D                                   
4. ธาตุ A กับ C และ B กับ D
7. ธาตุกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งมีมวล 1 กรัม เมื่อเวลาผ่านไป 60 วันพบว่าเหลือเพียง 0.125 กรัมธาตุนี้มีครึ่งชีวิตกี่วัน
1. 30 วัน                                                                                       
2. 20 วัน                                   
3. 15 วัน                                                                                       
4. 10 วัน
8. ประโยชน์ของรังสีในด้านสิ่งแวดล้อม คือ
1. ใช้รังสีกำจัดฝุ่นละอองที่มีปริมาณมากจนเกิดอันตราย      
2. ใช้รังสีเพื่อฆ่าเชื้อโรคในขยะ
3. ใช้รังสีเพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำเสีย                                                    
4. ใช้รังสีกำจัดวัชพืชในแม่น้ำ                              
9. ประโยชน์ของสารกัมมันตภาพรังสีในด้านการเกษตร มีหลายด้านยกเว้น
1. ช่วยกำจัดศัตรูทางการเกษตร                                         
2. การกลายพันธุ์พืชด้วยรังสี
3. ช่วยการวิจัยการดูดซึมปุ๋ยของต้นไม้                               
4. การทำหมันแมลงด้วยรังสี
10. ข้อใดต่อไปนี้เป็นการกำจัดกากกัมมันตรังสีที่ดีที่สุด
1. เร่งให้เกิดการสลายตัวเร็วขึ้นโดยใช้ความดันสูงมากๆ      
2. เผาให้สลายตัวที่อุณหภูมิสูง
3. ใช้ปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนให้เป็นสารประกอบอื่น                 
4. ใช้คอนกรีตตรึงให้แน่นแล้วฝังกลบใต้ภูเขา

กัมมันตภาพรังสี


เฮนรี เบ็กเคอเรล ( Henri  Becquerel ) นักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศสพบว่าสารประกอบของยูเรเนียมชนิดหนึ่งคือสารโพแทสเซียมยูเรนิลซัลเฟตสามารถปล่อยรังสีชนิดหนึ่งออกมาได้ตลอดเวลา
เบ็กเคอเรล ยังพบอีกว่าสารประกอบของยูเรเนียมทุกชนิดก็ปล่อยรังสีดังกล่าวเช่นกัน และเรียกรังสีนี้ว่า รังสียูเรนิก ( uranic ray )   การค้นพบของเบ็กเคอเรล  ทำให้นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าธาตุอื่นๆ มีการแผ่รังสีเช่นเดียวกับยูเรเนียมหรือไม่  มารี  คูรี ( Marie  Curie ) และสามีได้ทดลองกับธาตุหลายชนิดและพบว่าธาตุบางชนิด เช่น พอโลเนียม  เรเดียม  มีการแผ่รังสีได้เช่นเดียวกับยูเรเนียม เรียกธาตุที่มีการแผ่รังสีได้เองว่า ธาตุกัมมันตรังสี               ( radioactive  element )  และปรากฏการณ์การแผ่รังสีได้เองอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เรียกว่า กัมมันตภาพรังสี              ( radioactivity )
การศึกษาพบว่า  รังสีที่ธาตุกัมมันตรังสีแผ่ออกมามี 3 ชนิด คือ  รังสีแอลฟา ( alpha  ray ) รังสีบีตา       ( beta  ray )  และรังสีแกมมา ( gamma  ray )  นิยมเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์  a  b  และ g  ตามลำดับ

รังสีแอลฟา  เป็นนิวเคลียสของธาตุฮีเลียม  สามารถทำให้สารที่ผ่านเกิดการแตกตัวเป็นไอออนได้ดี  จึงเสียพลังงานอย่างรวดเร็ว ดังนั้นรังสีแอลฟาจึงมีอำนาจทะลุผ่านน้อยมาก สามารถเดินทางผ่านอากาศได้ระยะทางเพียง 3 – 5 เซนติเมตร เพียงใช้แผ่นกระดาษบางๆ กั้น รังสีแอลฟาก็ไม่อาจทะลุผ่านได้

รังสีบีตา   เป็นอิเล็กตรอน สามารถผ่านอากาศได้ประมาณ 1 – 3 เมตร รังสีบีตาจึงมีอำนาจทะลุผ่านมากกว่ารังสีแอลฟา

รังสีแกมมา  เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก สามารถทะลุผ่านแผ่นอะลูมิเนียมที่หนาหลายเซนติเมตรได้จึงมีอำนาจทะลุผ่านมากที่สุดในบรรดารังสีทั้งสามชนิด

ตาราง ชนิดและสมบัติของรังสีที่แผ่จากธาตุกัมมันตภาพรังสี


รังสี
สัญลักษณ์
ประจุ
ชนิดของอนุภาค
ระยะทางที่ผ่านอากาศได้
วัสดุที่กั้นได้
แอลฟา
a
บวก
นิวเคลียสของฮีเลียม
3-5 cm
กระดาษบางๆ
บีตา
b 
ลบ
อิเล็กตรอน
1-3 m
แผ่นอะลูมิเนียม
แกมมา
g
ไม่มีประจุ
คลื่นเหล็กไฟฟ้า
มากกว่า 3 m
ตะกั่วหนา


                                             รูปแสดงอำนาจทะลุทะลวงของรังสีทั้งสามชนิด


เรามาทบทวนความรู้กันอีกครั้งดีกว่า

                            ขอขอบคุณสื่อวีดิทัศน์ดีๆจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ